Ticker

6/recent/ticker-posts

ต่างด้าวเมียนบุกชิงทอง แม่ค้าร้านขายของชำ ราคาร่วมแสน

 ชุมพร – ต่างด้าวเมียนบุกชิงทอง แม่ค้าร้านขายของชำราคาร่วมแสน


 แม่อยู่คนเดียวใส่ทองล่อใจสายตาโจร คว้าขวดเบียร์ตีหัว ชิงสร้อยคอทองคำหนัก 1.50 บาท หลบหนีมุ่งหน้าไปชายแดน 


เมื่อเวลา 08.17 น.วันที่ 16 เมษายน 2568 ร.ต.อ.สุรกิจ กล่ำพัก

รอง สว.(ป.)สภ.บ้านวิสัยเหนือ ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ ที่ร้านขายของชำเลขที่ 75/2 หมู่ 11 ตำบลวิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรายงาน พ.ต.อ.พิน อินมาก ผกก.สภ.บ้านวิสัยเหนือ พร้อมนำกำลังไปตรวจสอบ


ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวเปิดเป็นร้านขายของชำติดกับกับถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน ตำรวจพบกับ นางกชพรรณ แก้วจินดา อายุ 55 ปี เจ้าของบ้าน อยู่ในอากาารตื่นตกใจ โดยที่ต้นคอด้านหลังมีรอยเขียวช้ำจากการถูกคนร้ายใช้ขวดเบียร์ทุบตี มีอาการบาดเจ็บไม่มากนัก โดยชิงทรัพย์สรอยคอทองคำหนัก 1.50 บาท มูลค่าประมาณ 7 หมื่นบาท


จากการสอบปากคำ นางกชพรรณ ผู้เสียหาย และดูคลิปจากกล้องวงจรปิดหน้าร้าน ทราบว่า ช่วงเช้าขณะที่ผู้เสียหายกำลังเปิดร้านเพื่อขายของชำซึ่งเป็นสินค้าทั่วไป ได้มีคนร้ายซึ่งชายชาวชาวเมียนมา ทำงานอยู่ในหมู่บ้าน นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ใส่เสื้อยืดสีดำไว้ใน คลุมทับด้วยเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีน้ำเงินเข้ม และใช้ผ้าเช็ดหน้าสีดำลายขาวพันปิดปากและจมูก ได้ขับรถ จยย.มาจอดที่ริมถนนเยื้องกับหน้าบ้าน และได้มอบหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไปและขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจช่วยตามจับคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้


จากนั้นได้เดินเข้ามายกมือไหว้เจ้าของที่กำลังจัดของอยู่ในร้าน โดยทำทีเป็นลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อของ ระหว่างที่เจ้าของร้านกำลังก้มลงหยิบของ คนร้ายสบโอกาสหยิบขวดเบียร์ที่อยู่ในร้านมากระหน่ำทุบตีที่บริเวณศีรษะด้านหลังและท้ายทอยหลายครั้ง จนเป็นแผล ล้มฟุบลงกับพื้น จากนั้นคนร้ายได้กระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1.50 บาท วิ่งไปขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่หน้าร้านขับหลบหนีไป อย่างเร็ว


เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายซึ่งเป็นต่างด้าวชาวเมียนมา อายุประมาณ 25-30 ปี มาก่อเหตุคนเดียว หลังก่อเหตุ ได้ขับรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีมุ่งหน้าไปทางชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.ระนอง คาดว่าจะหลบหนีออกทางช่องทางธรรมชาติไปนอกประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้วิทยุสั่งการสกัดทุกจุดและเส้นทางการหลบหนี เพื่อจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.


ธนากร โกศลเมธี/รายงาน 

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น